สายมูต้องมา “หมอช้าง” ชวนสักการะพระโพธิสัตว์กวนอิม ขอความสำเร็จ โชคดี มั่งคั่ง ร่ำรวย ณ วิหาร “อี่ ทง เทียน ไท้” กบินทร์บุรี
หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา ชวนสักการะองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม ณ วิหาร “อี่ ทง เทียน ไท้” ที่อยู่ด้านหน้าสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์กบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ศาสนสถานแห่งใหม่ที่นอกจากจะเป็นศูนย์รวมจิตใจ สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และเป็นจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่ของกบินทร์บุรีแล้ว ยังจะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ขอพรความสำเร็จ โชคดี มั่งคั่ง ร่ำรวย ที่เหล่า “สายมู” ต้องเพิ่มไว้ในลิสต์
ในการพาไหว้ครั้งนี้ หมอช้างมีการแนะนำในการกราบไหว้ขอพรองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม ณ วิหาร “อี่ ทง เทียน ไท้” ว่า ควรจะเป็น “การกราบไหว้เพื่อขอพร ไม่ใช่การบนบาน” สำหรับของถวายในการกราบไหว้ขอพรนั้น อาจจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละวัฒนธรรมหรือความเชื่อ แต่หลักๆ แล้วคือธูปหอม ดอกไม้ ที่ถือเป็นเครื่องหอม รวมถึงผลไม้หรืออาหารเจ โดยการไหว้จะเริ่มจากการไหว้เทพยดาฟ้าดิน แต่เนื่องจากฟ้าดินไม่ได้มีรูปเคารพ การไหว้ฟ้าดินจึงต้องออกมาไหว้ที่ด้านนอกวิหารหรืออาคาร เพื่อขอเปิดทางให้การสักการะขอพรองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมประสบความสำเร็จ แล้วจึงมาไหว้องค์พระโพธิสัตว์กวนอิมที่ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารด้วยเครื่องบูชาชุดเดิม โดยการกราบไหว้บูชาขอพรที่ได้ผล ผู้กราบไหว้บูชาต้องมีปณิธานเดียวกันกับองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมคือความเมตตาที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ในการอธิษฐานขอพรนั้น เริ่มด้วยการบอกชื่อสกุลให้ชัดเจน จากนั้นตั้งจิตอธิษฐานขอพรเพื่อให้พรนั้นประสบผลสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ เคล็ดลับที่สายมูต้องรู้ก็คือ เมื่ออธิษฐานขอพรจากองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมแล้วต้องลูบพญามังกรด้วย เพื่อให้ได้ทั้งสมความปรารถนาและร่ำรวย
องค์พระโพธิสัตว์กวนอิม เป็นหนึ่งในเทพเจ้าที่เป็นที่เคารพนับถือของคนไทย คนจีน และคนไทยเชื้อสายจีน เป็นพระโพธิสัตว์ตามคติความเชื่อของพุทธศาสนานิกายมหายาน เป็นเทพเจ้าองค์เดียวกันกับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ มีต้นกำเนิดมาจากพระสูตรมหายานในอินเดีย ศาสนิกชนที่นับถือองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะไม่นิยมบริโภคสัตว์ใหญ่ ดังนั้นของไหว้จึงเป็นผลไม้หรืออาหารเจ 5 อย่าง หรือ 5 ผล เช่นเดียวกับธูปที่จุด 5 ดอก ที่เปรียบเสมือนความอุดมสมบูรณ์ของฤดูกาลทั้ง 5 นั่นเอง
หมอช้างเล่าต่อว่า “หากเราตั้งใจทำความดีในแบบเดียวกับพระโพธิสัตว์ ความดีนั้นก็จะทำให้เราได้รับสิ่งที่ดีกลับคืนมาด้วยเช่นกัน และช่วงนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีมากในการขอพรจากองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม และการร่วมทำบุญกับวิหาร “อี่ ทง เทียน ไท้” ก็มั่นใจได้ว่าเงินบริจาคทั้งหมดจะนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ของการบริจาคอย่างแน่นอน”
สำหรับวิหาร “อี่ ทง เทียน ไท้” เป็นวิหารที่จำลองแบบมาจากวิหารเทียนถาน กรุงปักกิ่ง ซึ่งสร้างขึ้นถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยทุกประการ เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2558 โดยมูลนิธิ ดร.เทียม โชควัฒนา และคุณบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ พร้อมด้วยเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาในองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม วิหารแห่งนี้ได้รับการออกแบบที่สื่อให้เห็นถึงแนวคิดเรื่องจักรวาล ภพภูมิ ความสมบูรณ์และมั่งมี ภายในวิหารประกอบด้วยชั้นใต้ดินและชั้นโถงประดิษฐานองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม โดยชั้นใต้ดินจะมีเสาทั้งหมด 25 ตัน และชั้นโถงจะมีเสาทั้งหมด 24 ต้น เรียงรายรอบอาคารวิหาร โดยแบ่งเป็นวงใน 12 ต้น มีความหมายถึงเดือนทั้ง 12 เดือน และวงนอก 12 ต้น หมายถึงเวลา 12 ชั่วยาม หลังคาของวิหารมุงด้วยกระเบื้องหลังคาแบบเซรามิกโซลาร์เซลล์สีเขียว เพื่อผลิตพลังงานทดแทน นับเป็นวิหารแห่งแรกในประเทศไทยที่ใช้กระเบื้องโซลาร์เซลล์ รวมถึงติดตั้งเสาล่อฟ้าที่เปรียบเสมือนการรับพลังจากเบื้องบน เชื่อกันว่าคนที่มากราบไหว้ขอพรจะมีสุขภาพดี มีโชคลาภ ภายในวิหารประดิษฐานองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายพระโพธิสัตว์ตามคติความเชื่อของพุทธศาสนานิกายมหายาน องค์พระโพธิสัตว์กวนอิมองค์นี้ แกะสลักมาจากก้อนหยกชิ้นใหญ่โดยช่างแกะสลักชาวจีน มีขนาดความสูง 2.62 เมตร หนัก 2.8 ตัน เมื่อรวมฐานดอกบัว ฐานมังกร และฐานแปดเหลี่ยมแล้ว จะมีความสูงรวมถึง 5 เมตร และหนักมากถึง 14.43 ตัน แกะสลักเป็นปางประทานพรประทับบนหลังพญามังกร ที่มือของพระองค์ถือแจกันประทานน้ำอมฤต น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ และกิ่งหลิว ไว้คอยชะล้าง ขจัดปัดเป่าทุกข์โศกโรคภัยของผู้ที่มากราบไหว้ขอพร และยังเป็นเสมือนน้ำทิพย์ที่ชโลมกายใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำพระทัยแห่งความเมตตาที่ยากจะหาใดเปรียบได้ องค์พระโพธิสัตว์กวนอิมประทับยืนบนหลังพญามังกรเวียนว่ายกลางมหาสมุทร ซึ่งพญามังกรเปรียบได้กับความมั่งคั่งร่ำรวย สายน้ำเปรียบได้กับความลื่นไหลราบรื่น สำเร็จ ร่ำรวย
ศาสนิกชนผู้ที่มีความศรัทธาและประสงค์สักการะองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม ณ วิหาร "อี่ ทง เทียน ไท้" สามารถเดินทางมาได้อย่างสะดวกทั้งเส้นนครนายก ถนนหมายเลข 33 และเส้นฉะเชิงเทราทางถนนหมายเลข 304 โดยวิหารจะตั้งอยู่ด้านหน้าสวนอุตสาหกรรมฯ มองเห็นได้อย่างชัดเจน วิหารเปิดให้ศาสนิกชนเข้าสักการะได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 07.00 น. ถึง 19.00 น. และสามารถเยี่ยมชมภายนอกวิหารได้จนถึงเวลา 20.00 น. ติดตามข่าวสารกิจกรรมต่างๆ ของทางวิหารได้ทาง Line OA: @Yitongtiantai เฟซบุ๊กวิหารกวนอิมอี่ทงเทียนไท้
https://www.facebook.com/yitongtiantai
เว็บไซต์ Yitongtiantai.com
หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่มูลนิธิ ดร.เทียม โชควัฒนา คุณยุรฉัตร เคียงศิริ โทร. 02-293-9000 ต่อ 271, 081-890-8984
ไม่มีความคิดเห็น: