วันที่ 21 ส.ค.66 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ผศ.ดร.ลินดา เกณฑ์มา อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (มบส.) พร้อมด้วย นายวิทยา พิบูลย์สวัสดิ์ ,นายอิศรากรณ์ สุวรรณทิพย์ ตัวแทนสมาคมศิษย์เก่าบ้านสมเด็จเจ้าพระยาในพระบรมราชูปถัมภ์ เหล่า ผู้บริหารสถาบัน คณาจารย์ และบุคลากร ร่วมกันต้อนรับบัณฑิต ในพิธีการซ้อมรับพระราชทานปริญญาบัตร
ผศ.ดร.ลินดา กล่าวว่า ในนามของผู้บริหาร ครูอาจารย์และบุคลากร มบส.ทุกภาคส่วนต้องขอแสดงความชื่นชมบัณฑิตทุกท่านที่จะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ในโอกาสนี้ ถือเป็นความภาคภูมิใจและเป็นเกียรติยศ ต่อวงศ์ตระกูล ในฐานะที่ทุกท่านได้ฝ่าฟันอดทนใช้ความขยันหมั่นเพียร จนสำเร็จการศึกษา วันนี้แม้แสงแดดจะแรง และอากาศจะร้อนอบอ้าวเพียงใด ทว่า ก็ยังเห็นรอยยิ้มและสายตาแห่งความภาคภูมิใจ จากบัณฑิต รวมถึงผู้ปกครองที่มาร่วมงานทุกคน แต่ในการที่จะได้ชื่อว่าเป็นบัณฑิตสมบูรณ์แบบนั้น จะต้องมีสิ่งสำคัญประจำใจ 3 ประการ คือ
1.ต้องมีศาสตร์ที่เฉียบคม ด้วยการหมั่นศึกษาหาความรู้ตลอดเวลาและทำอย่างต่อเนื่อง 2.ต้องมีศิลปะในการดำเนินชีวิต คือ ไม่ว่าเราจะเรียนเก่งแค่ไหน แต่หากไม่มี Soft skill (ความมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี) ในการอยู่ร่วมกันกับผู้คนในสังคม เราก็ไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จ หรืออยู่ในสังคมอย่างมีความสุขได้ และ 3.ต้องมีหลักธรรม เป็นที่ยึดเหนี่ยวในการดำเนินชีวิต ยึดหลักครองตน ครองคน ครองงานประจำใจ โดยหลักทั้ง 3 ประการนี้ ตนเชื่อได้ว่าจะพาบัณฑิตทุกคนไปสู่ความสู่ความสำเร็จได้อย่างแน่นอน
ด้าน นายวิทยา พิบูลย์สวัสดิ์ ตัวแทนฝ่ายประชาสัมพันธ์สมาคมศิษย์เก่าบ้านสมเด็จเจ้าพระยาในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า อยากเชิญชวนให้บัณฑิตทุกท่าน ร่วมสมัครเป็นสมาชิกสมาคมศิษย์เก่าบ้านสมเด็จเจ้าพระยาฯ ในฐานะที่เป็นศิษย์ มบส.ลูกสุริยะเฉกเช่นเดียวกัน ทุกคนที่เป็นสมาชิกจะมีส่วนช่วยเหลือกัน ไม่ว่าศิษย์เก่าหรือศิษย์ปัจจุบัน หากประสบความเดือดร้อนทั้งอัคคีภัย อุทกภัยหรือเรื่องอื่นๆ พวกเราจะหยิบยื่นความช่วยเหลือไปสู่ เขาเหล่านั้น ที่สำคัญจะเป็นส่วนสำคัญ ให้รุ่นน้องที่ขาดโอกาส ได้เดินตามฝัน และประสบผลสำเร็จเช่นเดียวกันกับเราทุกคน ดอกชงโค ช่อนี้ จะบานสะพรั่ง จะงดงามเพียงใด อยู่ที่พวกเราทุกคนสมานสามัคคีกัน สมาคมศิษย์เก่าจะเป็นช่องทางหนึ่ง ที่พวกเราจะได้ไถ่ถาม สื่อสารกันไม่ขาดหาย
ด้าน นายอิศรากรณ์ สุวรรณทิพย์ ตัวแทนสมาคมศิษย์เก่าบ้านสมเด็จเจ้าพระยาในพระบรมราชูปถัมภ์ อีกท่านกล่าวว่า วันนี้รู้สึกยินดี ที่ได้มาพบปะพูดคุยกับน้องๆ และรู้สึกภาคภูมิใจกับน้องๆ ทุกคนที่ประสบความสําเร็จ สมหวังดังตั้งใจ ชีวิตพี่วันที่สำเร็จปริญญาตรี เหมือนวันนี้ของพวกเรา พี่ยังอาศัยวัดเป็นที่พักพิง แต่พี่ไม่เคยลังเลใจ ที่จะสมัครเป็นสมาชิกศิษย์เก่ามหาวิทยาลัย เพราะพี่มีความภาคภูมิใจในความเป็นลูกสุริยะ พี่จึงอยากให้พวกเราจงภาคภูมิใจเช่นกัน ความสำเร็จไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถ พิสูจน์ได้จากคนมากมายบนโลกใบนี้ ที่เขาทำได้สำเร็จ และความสำเร็จก็ไม่เคยปิดกั้น หรือบอกว่าจำนวนคนที่ประสบความสําเร็จบนโลกใบนี้เต็มแล้ว แต่ความสำเร็จยังเฝ้ารอคอยทุกๆ คน อยู่เสมอ ขอแค่เพียงเรา มีความหวัง ศรัทธาในตัวเอง มุ่งมั่นที่จะเดินไปให้ถึงก็เท่านั้น
“พี่เชื่อว่าน้องๆ ทำได้ ขอให้ ทุกๆ คนประสบผลสำเร็จ และก้าวต่อไปอย่างมั่นคง ตามเส้นทางที่ทุกคนใฝ่ฝันแต่ความสำเร็จวันนี้ เป็นเพียงความสำเร็จเบื้องต้น ต่อยอดจาก 4 ปีที่แล้ว ที่น้องๆ สอบเข้ามาศึกษาในรั้ว มบส.แห่งนี้ได้สำเร็จ จึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ที่ทุกคนมีปริญญาบัตรเป็นเครื่องการันตีให้เดินตามฝันต่อไป น้องๆ บางคน อยากรับราชการ แต่บางคนอยากทำงานบริษัท น้องบางคนอยากเป็นผู้ประกอบการ หรือบางคนอยากเป็นนักธุรกิจ ทุกๆ คนมีสิทธิ์คิดและมีสิทธิ์ฝัน และสามารถเดินไปถึงจุดหมายได้ ซึ่งจะประสบความสำเร็จหรือไม่อยู่ที่ตัวเรา
ความสำเร็จในวันนี้ คือ ตัวชี้วัด ว่า น้องๆ พร้อมแล้วที่จะก้าวออกจากรั้วมหาวิทยาลัย ไปเผชิญกับโลกแห่งความจริง ต้องออกไปขอโอกาส จากหน่วยงาน หรือองค์กร หรือบริษัท เพื่อพิสูจน์ความสามารถว่าเราเป็นส่วนสำคัญ ที่พร้อมสร้างความเจริญเติบโตไปกับองค์กรหรือส่วนงานที่เราได้รับโอกาส” นายอิศรากรณ์ กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น: