sacit สานต่อความสำเร็จคราฟต์ไทยใครๆ ก็ชอบ เดินหน้าจัด “sacit เพลินคราฟต์ 2023” ครั้งที่ 2 บุกศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 2 ระหว่างวันที่ 22 – 28 มิถุนายนนี้ หวังเปิดโอกาสการค้าแก่ผู้ประกอบการ พร้อมสร้างแรงบันดาลใจต่อยอดอาชีพ
อย่างไรก็ดี เพื่อสานต่อความสำเร็จ และส่งเสริมผู้สร้างสรรค์งานหัตกรรมไทยให้เข้มแข็ง และมีรายได้ sacit จึงจัดงาน “sacit เพลินคราฟต์ 2023” ครั้งที่ 2 วันที่ 22 – 28 มิถุนายนนี้ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 2 โดยยังคงคอนเซ็ปต์ Craft at First Crush คราฟต์ไทยใครๆ ก็ชอบ เพื่อถ่ายทอดถึงความรู้สึกของการตกหลุมรักในงานคราฟต์ ความรักในสิ่งที่ทำ สู่การต่อยอดไอเดียผลิตงานคราฟต์ใหม่ๆ และผลักดันให้เกิดการสร้างสรรค์หัตถกรรมไทยที่ประณีต เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเติบโตได้อย่างยั่งยืน
สำหรับกิจกรรมภายในงานได้รวบรวมงานคราฟต์ร่วมสมัยที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น น่าสนใจ และเข้ากับวิถีชีวิตคนเมืองมาร่วมจัดแสดงและจำหน่าย โดยล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานระหว่างนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ จากฝีมือของครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม และสมาชิก sacit รวมกว่า 40 ร้านค้า อาทิ กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า งานผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าใยกัญชง เครื่องจักสาน และเครื่องประดับ
อีกทั้งภายในงานยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่ชื่นชอบงานคราฟต์ ได้สัมผัสงานศิลปหัตถกรรมผ่านการลงมือทำ (Workshop) ทั้งในแบบดั้งเดิมและร่วมสมัย DIY Your Style พร้อมสามารถรับงานฝีมือในสไตล์ของตนเองกลับบ้านได้เลย อาทิ ปั้นเข็มกลัดดินไทย, เพ้นท์กระเป๋าจากยางกล้วย, แต่งกรอบรูปด้วยเศษผ้า, เพ้นท์งานดินเผา, ปักผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและแนวคิดการนำงานศิลปหัตถกรรมไทยไปต่อยอดสร้างอาชีพ นอกจากนี้ผู้เข้าชมงานยังสามารถเพลิดเพลินไปกับการแสดงและกิจกรรมบนเวทีจากศิลปินดาราชื่อดังจะมาร่วมสร้างความบันเทิงครบรส พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตกหลุมรักงานคราฟต์ด้วย
นายภาวี ยังกล่าวด้วยว่า sacit คาดหวังว่าการจัดงานในครั้งนี้ จะสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยว สร้างประสบการณ์ชอปปิ้งให้กับประชาชน ก่อให้เกิดแรงจูงใจในการจับจ่ายใช้สอย อีกทั้งจะเป็นอีกหนึ่งแหล่งสร้างไอเดียให้แก่กลุ่มผู้ที่หลงรักงานคราฟต์ต่อยอดผลิตภัณฑ์จากความชอบเหล่านี้ นำไปสู่การสร้างรายได้อย่างยั่งยืน โดยคาดการณ์ว่าตลอดการจัดงาน 7 วัน ระหว่างวันที่ 22 – 28 มิถุนายนนี้ จะมีผู้เข้าชมงานไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคน ซึ่งภาพรวมของการจัดงานในวันแรก (22 มิถุนายน 2566) เริ่มเห็นสัญญาณบวกจากยอดผู้เข้าชมงาน นับพันคน และสร้างเงินสะพัดภายในงานเกือบ 6 แสนบาท
ไม่มีความคิดเห็น: